รู้ ตื่น เบิกบาน คาถาสุขภาพดี
- 22 ส.ค. 2565
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 26 มิ.ย. 2567
เรื่อง อโนมา
ภาพ พีระพัฒน์ พุ่มลำเจียก

“อายุ 61 ปีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาค่ะ ลูก 4 คน หลาน 6 คน”
สตรีวัยงามเรือนร่างกะทัดรัดได้สัดส่วน ใบหน้าแจ่มใสดูอ่อนกว่าวัยจริงที่เธอเพิ่งเฉลย คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ เริ่มต้นบทสนทนาอย่างยิ้มแย้ม บรรยากาศรอบๆ ตัวเธออบอุ่นไปด้วยลูกสาวสองคนที่แวะมาเยี่ยม กับหลานชายวัยกำลังน่ารักที่อ้อแอ้เจรจาอยู่ไม่ห่าง เธอดูเป็นคุณแม่และคุณยายที่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด และมากกว่านั้นเธอยังเป็นภรรยาที่มีความสุขจากการสมรสครั้งใหม่กับ ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ และกำลังกระตือรือร้นกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่เธอผลักดันให้เกิดขึ้นหลายต่อหลายโครงการ โดยเฉพาะการรณรงค์เกี่ยวกับการต่อต้านความรุนแรงที่กระทำต่อเด็กและผู้หญิง หากสุขภาพกายและใจไม่เข้มแข็งเพียงพอแล้ว ไหนเลยเธอจะกระปรี้กระเปร่าและมีพลังสร้างสรรค์ได้ถึงเพียงนี้
จิตใจที่เปิดกว้างคือประตูแห่งความสุข
“คุณแม่เป็นคนแอ๊คทีฟและมีความคิดที่ progressive ตลอดเวลา สนุกกับงานที่ทำและทันสมัยมาก อย่างการเล่นอินเตอร์เน็ตแม่จะเปิดตลอดเวลา ในขณะที่เราเปิดแค่อาทิตย์ละครั้ง คือท่านจะคิดว่า ถ้าไม่ฝึกสมองอยู่เสมอมันจะเฉื่อยไป”
ลูกสาวคนเล็กของเธอพูดถึงที่มาของความกระฉับกระเฉงของคุณแม่อย่างชื่นชม เจ้าตัวเองก็ได้พูดถึงเคล็ดลับพื้นฐานที่ทำให้เป็นคนสดชื่นอยู่เสมอว่า
“ดิฉันมีความสนใจที่หลากหลายมาตั้งแต่เด็ก คืออยากรู้อยากเห็น อยากเรียนรู้ค้นคว้าซึ่งเป็นธรรมชาติของตัวเองเลย”
หลักฐานเกี่ยวกับความสนใจที่ไม่เคยหยุดนิ่งของเธอ เห็นได้จากงานหลากหลายรูปแบบที่ได้ทำผ่านมา นอกจากการเขียนหนังสือซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการวรรณศิลป์แล้ว เธอยังเป็นผู้หญิงคนแรกๆ ที่ทำงานให้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) โดยการผลิตสื่อสารคดีในรูปแบบวิดีโอ เธอและทีมงานต้องเดินทางไปทำงานถึงประเทศเกาหลีเหนือในขณะที่ยังปิดประเทศ เมื่อสมบุกสมบันจนพอใจแล้ว ความสนใจของเธอก็กลับมาจดจ่อในเรื่องทางพุทธศาสนา โดยมีความสุขในการนั่งสมาธิ ฝึกจิต เดินจงกรมได้นานเป็นเดือน ๆ ในวัดเล็ก ๆ ที่ห่างไกลชนบท และมีความสุขกับการเรียนรู้จิตใจตนเอง
“การปฏิบัติธรรมโดยไม่ติดอยู่กับความหวังที่จะเอาสวรรค์วิมาน เป็นการปฏิบัติเพื่อการเข้าถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอน อันนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าทำเพื่อหวังจะเป็นเทวดานางฟ้า ดิฉันคิดว่าสุขภาพจิตคงไม่ดีเท่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่มีความอยากนะ
“เมื่อฝึกปฏิบัติแล้วมันทำให้ควบคุมความอยากได้ ไม่ร้อน มองเห็นเป็น bird’s eye view มุมกว้างของมัน อันนี้พูดได้เลยว่าชีวิตเย็น เรียกได้ไหมว่าเป็นการทำให้สุขภาพดีเพราะเมื่อชีวิตมันเย็นลง ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เราสนใจโน่นนี่ ซึ่งทำให้สนุกทุกๆ วัน”
คงจะพูดง่ายๆ ได้ว่า เธอเป็นคนคล่องแคล่ว สนุก และพอใจในชีวิตก็คงไม่ผิดนัก ไม่เพียงภาคจิตใจเท่านั้นที่ได้รับการบริหารให้ตื่นตัวและเข้มข้นอยู่เสมอ ในส่วนของร่างกาย แม้ว่าจะไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แต่การออกกำลังกายของเธอแฝงอยู่ในกิจกรรมประจำวันนั่นเอง โดยเฉพาะการเดิน
“ชอบเดิน อย่างวันนี้ไปทำผมก็เดินไป หรือถ้าสถานที่ที่จะไปเป็นซอยตื้นๆ ก็เดิน หรือถ้าเราว่าง หมายถึงดิฉันกับเจเจ (ดร.ชิงชัย) เราก็จะเดินไปซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านด้วยกัน ซื้ออะไรต่อมิอะไรแล้วก็เดินกลับมา นอกจากนั้นยังเป็นคนเดินเร็วและทำอะไรต่อมิอะไรเร็วมาก”
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมกันคือ เธอเป็นศิลปินซึ่งไม่เคยหลงลืมด้านละเอียดอ่อนที่ถือเป็นเสน่ห์ของชีวิต จึงไม่น่าแปลกใจที่ชีวิตคู่ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จะมีกิจกรรมหลากหลายทำร่วมกันระหว่างสามีภรรยาที่ต่างมีสุขภาพจิตดีทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่มีความสอดคล้องกลมกลืนกัน เธอพูดถึงเรื่องนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า
“ใคร ๆ ก็บอกว่าทำไมดูสาวขึ้นตั้งเยอะแยะ ส่วนสามีก็มีคนบอกเขาว่าทำไมดูหนุ่มขึ้น คนที่ไม่ได้เจอเขามา 5 ปีแล้วมาเจอกัน บางคนก็จำไม่ได้เลย เพราะว่ามันไม่มีความเครียดเลยจนนิดเดียว นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่สองที่สบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะลูกๆ ของดิฉันก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปกันหมดแล้ว
“ส่วนในแง่ของชีวิตประจำวัน เราทั้งสองก็มีกิจกรรมที่คล้ายกัน อีกส่วนหนึ่งที่มีความสุขคือความเป็นคนอารมณ์ดีของสามี และเขาจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เครียด ส่วนดิฉันเองก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วกับการทำใจให้ขุ่นมัว ก็เลยเหมือนกับเพิ่งมาเจอคนที่ลงตัวมากเลยในเรื่องความคิด นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามีสุขภาพจิตดี แล้วอีกอย่าง เราทั้งสองคนชอบเที่ยว ชอบไปยังที่ใหม่ๆ แปลกๆ และเราก็ไม่กลัวความลำบาก”
จิตใจที่เปิดกว้างเช่นนี้เอง ทำให้ประตูของความสุขเปิดรับเธอเสมอ ไม่หลงติดอยู่กับการยึดมั่นถือมั่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และรักที่จะเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ อยู่เสมอ เป็นจิตใจที่เยาว์วัย กระตือรือร้น และเป็นเคล็ดลับสำคัญของสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
ไปดูศิลปะการทำอาหารที่บ้านน้ำสาน
“การทำอาหารของดิฉันก็เหมือนการเขียนหนังสือ เอาโน่นเอานี่มาใส่ ไม่มีสูตรตายตัว ดิฉันชอบทำกับข้าวในแง่ที่ว่าเป็นงานสร้างสรรค์เหมือนกับเราเขียนหนังสือโดยจรดปากกา แล้วเราก็เขียนต่อๆ ไป ให้มันงอกจากจุดเริ่มต้น ทำกับข้าวก็เหมือนกัน คือดิฉันมักจะมองดูรอบๆ แล้วหยิบมันมาทำ”
เรื่องนี้ต้องยืนยันว่าเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ เพราะสูตรอาหารธรรมดาทั่วๆ ไป เธอก็ดัดแปลงใช้พืชผักสมุนไพรแทนได้อย่างลงตัวและมีรสชาติ ส่วนเครื่องปรุงที่นำมาใช้ก็คัดเลือกอย่างพิถีพิถัน ตัวอย่างง่ายๆ เช่น น้ำมันที่ปรุงอาหาร เธอเลือกใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันที่ไม่มีไขมันอิ่มตัว และใช้เพียงสเปรย์น้ำมันไปที่ก้นกระทะเล็กน้อย
ยิ่งเราไปเริ่มต้นทำครัวกับเธอที่ “บ้านน้ำสาน” บ้านหลังที่สองซึ่งปลูกไว้สำหรับพักผ่อนที่จังหวัดเชียงใหม่ ยิ่งเห็นภาพอย่างชัดเจนว่าเธอจะตระเวนไปรอบๆ บ้าน เก็บมะขามสดจากต้นที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำเอามาทำน้ำพริกมะขาม เก็บขมิ้นชันสีเหลืองลออมาปั่นทำเครื่องดื่มสมุนไพรแสนอร่อย หรือแม้แต่การเล็งไปยังดอกชงโคสีม่วงอ่อนที่กำลังบานสะพรั่ง และปรึกษากับเราว่าน่าจะเก็บมาทำสลัดดอกไม้
ขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการสรรหาพืชผักที่ระบัดใบอยู่รอบบ้านอันร่มรื่นกว้างขวางนั้น สมุนอีกสี่ตัว คือสุนัขหลากหลายพันธุ์ที่เลี้ยงไว้ ก็วิ่งคลอเคลียไม่ห่างกาย เธอพูดถึงสวนสวยของบ้านน้ำสานในแง่ของประโยชน์ด้านสุขภาพที่หยิบฉวยมาใช้ได้และไม่ลืมที่จะตบท้ายด้วยแง่คิดที่ลึกซึ้งตามประสานักคิด
“มีอะไรในสวนก็จะลองเอามาทำอาหารหรือทำเครื่องดื่ม อย่างตะไคร้สดก็เอามาต้ม ถ้าเป็นตะไคร้หอมก็ใช้น้อย หรือใช้ขมิ้นชันก็สวยดี ดิฉันจะปลูกสมุนไพรหลายอย่างมาก แม้แต่ใบกระวานของฝรั่งก็เอามาปลูก ดิฉันชอบทำสวนทำให้เข้าถึงไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ดีมากเลย เพราะว่าต้นไม้มันไม่เคยหยุดนิ่งเลย ความเปลี่ยนแปลงมันชัด เป็นการพูดกับเราถึงเรื่องหลักอนิจจังตลอดเวลา”
ถัดจากสวนที่มีบริเวณกว้างขวางไปไม่ไกล คุณหญิงจำนงศรีกันบริเวณหนึ่งไว้ปลูกอาศรมหลังเล็กๆ ไว้สำหรับปฏิบัติธรรม ทั้งสำหรับตัวเองและเพื่อนพ้องผู้เป็นที่รัก รวมทั้งลานเรียบโล่งสำหรับเดินจงกรม
ความสมดุลของชีวิตในมนุษย์แต่ละคนล้วนมีที่มาต่างกัน สำหรับคุณหญิงจำนงศรีเธอเพียงแต่ปล่อยให้สวนแห่งชีวิตของเธอมีความหลากหลาย บำรุงเลี้ยงไปตามธรรมชาติและไม่เคยยึดติดกับความไม่เที่ยงแท้ใดๆ สิ่งที่ได้ตอบแทนมาเป็นความสงบภายใน ที่งอกงามเป็นดอกไม้แห่งสุขภาพดี ที่เธอชื่นชมอยู่ในปัจจุบัน
เมนูสุขภาพของ
คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์

สลัดไก่ย่างอะโวคาโด
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
เนื้อไก่ย่าง 5 ดาว 200 กรัม
เนื้ออะโวคาโดบด 100 กรัม
น้ำสลัดสำเร็จรูป 1 ถ้วย
ผักชีลาวหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมเล็กซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ใบไธม์เล็กน้อย
พริกไทยป่นและน้ำตาลทรายสำหรับปรุงรส
หัวแรดิชหั่นตามขวาง
มะนาวฝานเป็นชิ้น
พริกยักษ์สีเหลืองหั่นเป็นแว่น
มะเขือเทศหั่นเป็นแว่น
วิธีทำ
คลุกเนื้อไก่ย่างกับอะโวคาโดให้เข้ากันดี โรยผักชีลาว ใบไธม์ หอมเล็ก ตามด้วยน้ำสลัด คลุกเคล้าให้เข้ากันดีอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และพริกไทยป่น คลุกให้เข้ากันแล้วชิมรสตามชอบ จากนั้นจัดลงจาน เสิร์ฟกับผักสดที่เตรียมไว้
*เลือกน้ำสลัดประเภทน้ำข้นหรือน้ำใสก็ได้ แล้วแต่ชอบ แต่สลัดน้ำใสที่ผสมเครื่องเทศสไตล์ฝรั่งเศสจะมีรสเข้มข้นกว่า
สลัดผักห่อก๋วยเตี๋ยว
ส่วนผสม (สำหรับ 2ที่)
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่
หั่นเป็นแผ่นกว้างประมาณ 2 นิ้ว 300 กรัม
แครอท ฟักแม้ว หัวไชเท้า ฝรั่ง สับปะรด
หั่นตามยาวอย่างละ 50 กรัม
ไข่เจียวเหยาะซีอิ๊วเล็กน้อย
และปูอัดหั่นเป็นเส้นอย่างละ 50 กรัม
ส่วนผสมสำหรับน้ำสลัด
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำบ๊วยเจี่ย 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วลิสงคั่วแล้วตำ 1/2 ถ้วย
พริกขี้หนูตำ 3 เม็ด
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
แผ่แผ่นก๋วยเตี๋ยวแล้วเรียงผักและผลไม้ต่าง ๆ ไข่เจียว ปูอัด ลงไปให้สวยงาม ม้วนเป็นท่อนกลม จัดลงจานเตรียมไว้
ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำผึ้ง น้ำบ๊วยเจี่ย คนให้เข้ากัน จนน้ำเริ่มงวดเหนียวใส่พริกขี้หนูตำ เมื่อส่วนผสมข้นเหนียวตามต้องการยกลงแล้วโรยถั่วลิสง คนให้เข้ากัน ตักราดบนก๋วยเตี๋ยว พร้อมเสิร์ฟ

นินทนนท์นั่งแท่น
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
ตับไก่ 300 กรัม
รากผักชี 2-3 ราก
ใบผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยเม็ด 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นเล็กน้อย
น้ำมันดอกทานตะวันเล็กน้อยสำหรับสเปรย์ก้นกระทะ
วิธีทำ
โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้ละเอียด ตั้งกะทะให้ร้อน แล้วสเปรย์น้ำมันดอกทานตะวันลงไปเล็กน้อย นำเครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม เติมน้ำตาลปิ๊บ ซีอิ๊วหวาน แล้วนำตับไก่ลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยเกลือปน โรยผักชี แล้วผัดให้เข้ากัน ยกลงพักไว้ กินกับขนมปังฝรั่งเศส
ส่วนผสมสำหรับอาจาด
หัวไช้เท้าและแครอทหันขวางอย่างละ 5 ชิ้น เป็นชิ้นบางๆ ผสมกับน้ำส้มสายชูและน้ำเชื่อม คลุกเคล้าให้เข้ากัน กินกับตับแก้เลี่ยน และเป็นการเสริมผักให้กับมื้อนี้
ข้าวน้ำสาน
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
ข้าวสวย 2 ถ้วย
ไข่ไก่ (เอาเฉพาะไข่ขาว) 2 ฟอง
มะขามสด 2 ฝัก
กระเทียม 4-5 กลีบ
กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปึก 2/3 ก้อน
ปลาสลิด 1 ตัว
ปลาหมึกหั่นแว่น 100 กรัม
พริกขี้หนูตามชอบ
วิธีทำ
โขลกมะขามสด กระเทียม พริกขี้หนู กะปิ น้ำตาลปึก เข้าด้วยกัน แล้วคลุกเคล้ากับข้าวสวยร้อนๆ (ไม่ใช้น้ำมัน เพื่อสุขภาพ) ทอดปลาสลิดจนฟูกรอบ ทอดปลาหมึกให้สุกหอม เจียวไข่ขาวแล้วหั่นฝอย คลุก
ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน โรยหน้าด้วยปลาสลิด ปลาหมึก และไข่เจียวหั่นฝอย เสิร์ฟพร้อมผักสด
*หากต้องการให้เป็นสูตรสุขภาพอย่างแท้จริง ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขาว ลดน้ำตาลปีกลง และงดการใช้ปลาหมึกทอดโรยหน้า

จาก: คอลัมน์ Health Profile นิตยสาร Health&Cuisien ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 เมษายน 2544.
Comments